สวัสดีทุกคนค่า ครั้งแรกกับการเขียนรีวิวแนวท่องเที่ยว&แดก ความจริงปกติชีวิตแจ๊คคือการเที่ยว 555 ถ้าใครติดตามจะเห็นว่าเที่ยวบ่อยมากกกกก แต่ไม่เคยเอามาเขียนให้ฟังเลยเพราะกลัวคนงงว่ามาสายไหนกันแน่ ไปๆมาๆคิดว่าคนที่ตามเราคงเบื่อแต่เรื่องบิวตี้ สวยๆงามๆ เราเลยลองเขียนแนวไลฟ์สไตล์ดูบ้าง ลองตามมาดูกันนะคะ ว่าจะเด็ดแค่ไหน (รูปทั้งหมดมาจากกล้องiPhone6plus+กล้องGoPro รูปบางรูปถ่ายsquare)
ทริปนี้เป็นทริปกับแก๊งส์เพื่อนสาว ช่วงสั้นๆค่ะ เพราะเพื่อนบางคนลางานกันยาวๆไม่ได้ เราเลือกช่วงวันที่22-24สิงหา 2015 จองตั๋วโปร0บาทของแอร์เอเชีย เรียกว่าจองกันข้ามปีเลย ค่าภาษีสนามบิน รวมน้ำหนักกระเป๋าที่เราซื้อเพิ่มตกแล้วไปกลับคนละแค่700บาท ถูกกว่ารถทัวร์อี้กกกก ทริปนี้ขอเรียกว่า ทริปลูกคุณหนู เพราะเรารู้สึกชิลเสมือนเป็นลูกคุณหนูจากกรุงเทพมาตากอากาศอะไรเทือกนั้น
ผู้ร่วมทริปจากกรุงเทพมี5ชีวิตค่ะ แล้วมีอีกกลุ่มที่บ้านอยู่ที่ทางเหนืออีก3-4คน ตามมาสมทบกับเรา วันนี้เรานัดกันใส่ธีมArmy เป็นลายพรางและสีเขียวกากี เริ่ดมั้ยล่ะ แต่ขอบอกว่าถ่ายรูปกับพวกต้นไม้ใบหญ้านี่ไม่สวยเลย ดูกลืนไปกันหมด555 ลืมคิดไป รอบหน้าเอาใหม่
พอถึงสนามบินเราจองรถ จากบริษัท Chic rent a car เป็นบริษัทเช่ารถน้องใหม่ แจ๊คซื้อvoucherมาจากงานททท. ด้วยราคาเช่าวันละ599บาท +ค่าประกันชั้น1วันละ100บาท ข้อดีของการเช่ารถคือสะดวกค่ะ อยากไปไหนก็ไป ยิ่งถ้าไปกันหลายๆคนแบบนี้หารแล้วถูกมากๆ แต่อย่าลืมว่าต้องมีวงเงินในบัตรเครดิตพอ20,000บาทเพื่อเป็นค่ามัดจำประกันรถนะคะ เป็นเหมือนกันทุกบริษัท และอย่าลืมใบขับขี่เด็ดขาด
วันนี้เราเริ่มต้นด้วยการหาอะไรรองท้องสำหรับมื้อเช้า ตัดสินใจจิบกาแฟที่ร้านดัง RISTR8TRO อ่านว่า ริสเตรทโต้ เพิ่งเคยกินเหมือนกัน สามารถเลือกระดับความหวานได้ด้วยนะคะ ราคาตกแก้วละประมาณ80-100บาท
สถานีต่อไป “บ้านป่าปงเปียง” มาเชียงใหม่หลายครั้งก็ไม่เคยไปเหมือนกันนะคะ บ้านปาปงเปียงคือสถานที่นึงอยู่ในอำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ วิธีการเดินทางนั้นเราต้องขับรถไปผ่านดอยอินทนนท์ หลังจากผ่านด่านตรวจให้เลี้ยวซ้ายไปทางแม่แจ่มอีกประมาณ1ชม. ถนนค่อนข้างโหดนะคะ เพราะแจ๊คเคยผ่านเส้นนี้ไปออบหลวงมาแล้ว คดเคี้ยวและชันบางช่วง คนขับต้องมีประสบการณ์พอสมควรนะ
จากแม่แจ่ม เราต้องจอดรถทิ้งไว้ที่รีสอร์ทแห่งหนึ่ง ที่เราดีลไว้ให้เค้าพาเราไปป่าป่งเปียงค่ะ เพราะรถเก๋งไม่สามารถไปได้ เส้นทางมันทรหดและเป็นดินลูกรัง บางช่วงขึ้นเขาชันมากๆๆๆ ต้องใช้รถ4w ค่ะ เราโทรจองกับคนขับเหมาพาเราไปที่1,300บาทวันนั้นเลย จากจุดที่เราจอดรถที่แม่แจ่ม ใช้เวลาอีกประมาณ30นาทีได้ ก็จะถึง บ้านป่าปงเปียง ระหว่างทางตรงไหนที่วิวสวยๆพี่เค้าก็จะจอดให้เราลงไปถ่ายรูปค่ะ
รถที่พาเราไปเที่ยวค่ะ มีหลังคาด้วย ระหว่างทางเราพบรถนำเที่ยวคันอื่น ไม่มีหลังคา ลำบากเหมือนกันค่ะ เพราะมีฝนตกด้วย อย่างเช่นคันนี้เป็นต้น ดูถนนสิคะคู้นนนนน ขืนขับมาเอง ตอนนี้คงไปบอกใบ้หวยให้ชาวบ้านแถวนั้นแล้ว
ระหว่างทาง เราพกขนมขบเคี้ยวกันไปกรุบกริบ มโนราห์ นี่แหละ เริ่ดสุดดดด นี่ไม่ใช่สปอนเซอร์นะ55
เพื่อนๆของแจ๊คแต่ละคนก็จะฟีลอย่างที่เห็นค่ะ เหมือนหลุดออกมาจากรพ.บ้า
ระหว่างทาง เราเจอกลุ่มตากล้องประมาณ7-8 คน คือแต่ละคนอุปกรณ์พร้อม คงมาเก็บภาพพระอาทิตย์ตกที่นี่
ภาพนี้เราขอให้พี่ๆตากล้องตรงนั้นถ่ายให้ จากไอโฟนเรา ถ่ายดีอ่ะ
เริ่มเย็นแล้ว ต้องลาจากบ้านป่าปงเปียงไว้เพียงแค่นี้ ฉันมาไกลเหลือเกิน ขากลับถ้าไม่อยากอ้อม หรือไม่มีเวลาเที่ยวนัก แนะนำว่าต้องกลับทางเดิม คือขับผ่านดอยอินทนนท์ จะใช้เวลาสั้นหน่อย แต่ถ้าหากชิลมากๆๆๆๆๆ ก็แนะนำขับไปออบหลวงเลยค่ะ ระหว่างทางจากออบหลวงขับกลับมาทางถนนหลักนั้นเป็นถนนริมน้ำสวยมากๆ อย่างไรก็ตามแนะนำว่าให้ติดถุงอ้วกและยาดมยาลมยาหม่องไว้ด้วยค่ะ เพราะขากลับคืออ้วกแตกค่ะ
ปิดจ๊อบสำหรับคืนนี้ด้วยการไปเที่ยว วอร์มอัพ จิกผู้ชายเบาๆ5555 (ไม่มีรูปนะครัช) คืนแรกเรานอนที่ B2 Green ห้องพักโอเคเลย ราคาก็ถูกมากๆ ห้องคืนละ5xx-บาท (ขอเอารูปมาจากpantipให้ดูนะคะ ลืมถ่าย)
เช้าวันใหม่ โรงแรมราคาขนาดนี้อย่าไปคาดหวังอาหารเช้าเด้อ พุ่งตัวไปกินข้าวที่ร้านเพื่อนค่ะ เป็นร้านข้าวแกงปักษ์ใต้อยู่ที่ อำเภอแม่ริม นะคะ ใครผ่านไปผ่านมาแวะร้านนางได้ ชื่อร้านว่า ครัวกระลูบี อร่อยและถูก ข้าวราดแกงแค่30-40บาทเท่านั้น มื้อนี้เรายัดเงินนางไป500- เพราะเรียกว่าแดกกันแบบห่าลง (โฆษณาหน่อย www.facebook.com/kralubi ) ด้วยความที่เพื่อนเป็นเจ้าของกิจการ เราเลยเอานางซะเละ
จากนั้น มุ่งหน้าไปที่เขื่อนแม่งัดค่ะ เพื่อที่จะขึ้นเรือที่ท่าเรือตรงเขื่อนไปยัง Mountain Float Resort ภูเขาลอยน้ำ ที่โด่งดัง เราเคยเห็นในรายการเทยเที่ยวไทยแล้วน่าไปมาก เพื่อนๆก็เลยเสนอมาเพราะมีเพื่อนรู้จักกับเจ้าของ เค้าให้ราคาลดเราด้วย20%แหนะ มีหรือจะพลาด พุ่งตัวไปเขื่อนแม่งัดด้วยgoogle maps รถมารอรับเราแล้วค่ะ มาขนคนและสัมภาระ ไปที่เรือที่จอดอยู่ที่ท่า
นั่งเรือไปใช้เวลาประมาณ15นาทีก็ถึงรีสอร์ทค่ะ ระหว่างทางก็จะเห็นแพของเจ้าอื่นเยอะแยะมากมาย แต่ดูๆแล้วแพเราจะออกแนวไฮโซวววลูกคุณหนูที่สุดเลย
เรือพามาถึงแพที่เราจองไว้เลยค่ะ ไม่ต้องยกกระเป๋าจากส่วนกลางอะไรให้วุ่นวาย มีพนักงานยืนต้อนรับอยู่
แพที่เราจอง มี3ห้องนอน ซึ่งนอนได้6คน แต่เรามากัน9คน เค้าเลยเสริมเตียงเป็นเบาะนอนกับพื้นค่ะ ให้ห้องละ1เบาะ มีรวมอาหารให้3มื้อด้วย ราคารวมหารกันตกคนละประมาณ1500- (หลังหักส่วนลด) ห้องก็จะตามรูปเลยค่ะ ที่นอนน่านอนมากๆ


ลูกคุณหนูขอนั่งจิบน้ำเวลคั่มดริ้งค์ให้ชื่นใจก่อน เป็นน้ำมะพร้าวมาเป็นลูกเลยค่ะ กินเสร็จก็เอาช้อนแงะตามอัธยาศัย ที่นี่เค้าจะมีตู้เก็บพวกเครื่องจาน ช้อนส้อมไว้ให้เราหยิบใช้ได้เลย จากนั้น เค้ามีเสริฟก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ด้วย มาเป็นถาดใหญ่ๆให้เราตักกันเอง ไม่ได้ถ่ายรูปมาค่ะ เพราะเพื่อนๆมือไวกันมากๆฟีลปอบลง
activityที่นี่ ก็คือ ถ่ายรูป แดก ร้องเกะ ร้องได้ตลอดค่ะ ถูกใจมากๆ ฟีลกลุ่มเราก็จะเน้นร้องเพลงไทยยุค90’s จินี่จ๋า มาช่า ใหม่เจริญปุระ เจอาร์วอย ทาทา โมเม คริสติน(คอ-รอ-อิ-สอ-ตอ-อิ-นอ…รู้จักกันมั้ย) เบเกอรี่ บริทนี่ โอ้ยยยย อีกมากมายค่ะ แต่เนตที่นี่ห่วยหน่อยนะคะ ไวไฟช้ามาก สัญญาณมือถือก็ไม่ค่อยจะมีค่ะ อัพรูปทีต้องนั่งลุ้นว่ามันไปรึยัง
ลากเจ้านี่มาถ่ายรูปในน้ำได้ค่ะ ต้องทรงตัวดีๆนะคะ กว่าจะได้รูปสวยๆ อย่าถามว่าแล้วกลับเข้าฝั่งยังไง
เค้ามีเรือใบให้เล่นด้วยนะ ใครเล่นเป็นบ้าง แจ๊คเล่นไม่เป็นหรอก เป็นตุ๊ดเนาะ อะไรแบบนี้ไม่เคยจับ กว่าจะลากมาถ่ายรูปด้วยได้ก็เล่นเอาอ่วม
วิวบ้านกว้างๆ
เริ่มไม่มีแดดละ ก็เริ่มเล่นนู้นเล่นนี่ มีมวยทะเล ด้วย ไปขอนวมที่พนักงานเค้าได้เลยค่ะ ต่อยกันสนุกสนาน เพิ่งเคยเล่นครั้งแรก ขอบอกว่า ทรงตัวยากมาก ต่อยกันไม่ถึง10วินาที ร่วงค่ะ
อาหารเย็นวันนี้เป็นเซ็ทเมนูค่ะ สะพรึงมากกก ส่วนใหญ่เป็นเมนูปลา และเราสั่งเมนูอื่นเพิ่มเข้าไปด้วย ขอบอกว่าอาหารที่นี่ อร่อยและน่าทานมากๆๆๆๆๆ แต่อารมณ์เสียกับแมลง ตัวอะไรไม่รู้ค่ะสีดำๆ ร่วงลงในอาหาร เราต้องคอยเล็งดีๆ แต่มันไม่กัดนะ ทานกันอิ่มหนำก็ต้องมีactivityกันตอนดึกเป็นปกติของแก๊งส์ลูกคุณหนูอย่างเรา จะป๊อกเด้ง เก้าเก แคง ตีแตก อะไรก็ว่ากันไป กว่าจะได้นอนก็นู้นนนนน
เช้าแล้วค่ะ เพื่อนๆก็เริ่มตื่นมาดูวิวกัน พลอยทำเอาเราตื่นไปด้วย ตอน7โมงเช้า มีหมอกบางๆให้เห็น ไม่อยากลุกจากเตียงเลยค่ะ
ด้านหน้าแพ ช่วงเช้า
อาหารเช้าที่นี่ก็ดีพอสมควร มีเหมือนโรงแรมทั่วไปคือ stationไข่ ข้าวผัด ข้าวต้ม สลัด คอนเฟรค นม น้ำผลไม้ ชา กาแฟ ขนมหวาน(บราวนี่) อร่อยอีกแล้วววว กินกันจนพุงออก
มีเรื่องเม้าอีกเรื่อง ตอนนั่งกินข้าวเช้า ก็มีแขกที่มาพักเป็นคนจีน เม้ากลุ่มเราเป็นภาษาแมนดาริน ว่า อีพวกนี้เสียงดังมากเมื่อคืน นอนกันก็ดึก แต่ทำไมมันตื่นกันเช้าจัง (เพื่อนตุ๊ดคนนึงที่เรียนเอกจีนนางแปลให้ฟัง) 555555555 ฮามาก
ช่วงนี้ ระหว่างรอเรือมารับกลับตอน11โมง ก็เป็นเวลาของการเก็บรูปครั้งสุดท้ายค่ะ
ด้วยความที่ตัวสูง เพื่อนเลยให้อยู่หลังสุดเลย 555 (ใช่หยอ?)
พอขึ้นฝั่ง ก็ขับรถกลับค่ะ ระหว่างทางมีวิวสวยๆให้ถ่ายรูปแถวเขื่อนด้วยค่ะ คิ้วๆ
สถานีต่อไป เริ่มหิว ไปกันที่ ครัวอาจารย์สายหยุด อยู่แถวๆแม่ริมค่ะ ตรงข้ามสนามกอล์ฟ อยู่ในซอยโชตนา12 พิกัดสามารถเสิชจาก google maps หรือApp Wongnai ได้เลยจ้า หรือเพิ่มเติมจากรีวิวนี้ http://www.reviewchiangmai.com/2248
ร้านนี้จะเน้นขายอาหารไทย ในแนวอาหารชาววังเลย เราโทรมาสั่งไว้ก่อนครึ่งชั่วโมง มาถึงก็ได้กินเลย ดี้ดี อาจารย์สายหยุดออกมาต้อนรับพวกเราด้วยนะ แต่ไม่ค่อยได้คุยกับแกเท่าไหร่ เพราะความปอบลงอีกแล้ว เราบอกว่า แกงส้มอร่อยมากๆเลยค่ะ แกบอกว่า หรอๆก็ทำปกตินะ 555 พี้คมากค่ะ เมนูแนะนำที่นี่ก็คงเป็น ช่อม่วง ล่าเตียง ปลาทะเพียนต้มเค็ม น้ำพริกไข่เค็มปู พี้คสุดคือ ฉู่ฉี่ปลาทู ตอนสั่งอาจารย์ถามว่าจะเอากี่ตัว สองตัวพอมั้ย เราก็คิดในใจนะว่า สองตัวจะพอมั้ยเนี่ย มากันตั้ง9คน แต่ก็เออออตามไป มาถึงปุ๊บ สะดุ้งเลยย ปลาทูยักษ์ มื้อนี้หมดไป 2,055-บาท อิ่ม จุกค่ะ
กินอิ่มละ ฆ่าเวลาก่อนกลับด้วยการไปเที่ยว วัดอุโมงค์ กันค่ะ วิธีมาก็ง่ายๆเหมือนเดิมค่ะ ชีวิตแขวนไว้กับ Google maps เสิชเลยค่ะ นางพามาถูก วัดอุโมงค์นี่ แจ๊คประทับใจนะ เป็นวัดที่มีสถานปฏิบัติธรรม ในวัดนอกจากจะร่มรื่น มีนู้นนี่ให้ชมแล้ว เรายังสามารถซึมซับคำสอนต่างๆ ที่เค้าจะมีเขียนไว้ตามที่ต่างๆ ตลอดทางอีกด้วย ไม่ได้เน้นให้เช่าบูชาวัตถุมงคลเหมือนวัดอื่นๆ
ผนังเขียวๆตรงทางเข้าอุโมงค์ ด้านใน เหมือนถ้ำมืดๆ แต่เค้ามีไฟติดที่พื้น เดินเข้าไปชมได้ค่ะ
คำสอนต่างๆ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วดับไป สอนให้รู้จักปลงนั่นเองค่ะ
บริเวณพระธาตุ
เอาล่ะ ปิดท้ายก่อนคืนรถที่เช่ามาและขึ้นเครื่องกลับด้วยการแวะกินติมใกล้ๆ ไปเดินดูผู้ชายมช.หน่อยซิ 555 ร้านที่เราแวะชื่อร้าน I like Ice-cream ตกแต่งร้านด้วยสีสันสดใส และมีไอศครีมหน้าตาดีอีกมากมายเต็มตู้ ด้วยราคาก้อนละ 25บาทเท่านั้น มีพวกเครื่องเคียงเป็นบราวนี่และวาฟเฟิ้ลด้วย ชิ้นละ35บาท รสชาติก็ดีเลยทีเดียว
ปิดจ๊อบเที่ยวทริปนี้ค่า ขอสรุปค่าใช้จ่ายคร่าวๆนะคะ
สิ่งหนึ่งของการเดินทาง แม้ว่าเราจะไปสถานที่เดิม แต่บรรยากาศมันก็มักจะเปลี่ยนไปเสมอ ขอบคุณเพื่อนๆที่คอยสร้างเสียงหัวเราะกันตลอดทาง ถือว่าเป็นอีกความทรงจำที่จะไม่ลืม กับทริปลูกคุณหนูครั้งนี้
ขอสอบถามกน่อยค่ะ
พอดีสนใจนอนแพค่ะ
ไม่ทราบว่าคือที่ไหนหรอคะ
คิดราคายังไงคะ เราวางแผนจะไปเดือนต.ค.นี้ค่ะ
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำล่วงหน้าค่ะ ^^
LikeLike
ลองเสิชดู Moutain Float เชียงใหม่นะคะ ติดต่อเค้าโดยตรงเลยจ้า
LikeLike